การสมัคร วีซ่านักเรียนอเมริกา อาจดูซับซ้อนในตอนแรก แต่ไม่ต้องกังวล! เพราะทีมแนะแนวมากประสบการณ์ของ IDP พร้อมช่วยให้ทุกขั้นตอนง่ายขึ้น ตั้งแต่เริ่มสมัคร จนถึงยื่นเอกสารจริง เราจะช่วยอธิบาย วิธีสมัครวีซ่า F1 อย่างละเอียด พร้อมแชร์ เงื่อนไขสำคัญของวีซ่า F1 และเทคนิคที่จะช่วยให้น้อง ๆ ผ่านขั้นตอนการสมัครได้อย่างราบรื่นที่สุด
วีซ่า F-1 หรือที่เรียกกันว่า วีซ่านักเรียนอเมริกา คือวีซ่าหลักที่อนุญาตให้นักเรียนต่างชาติเดินทางไป เรียนต่อในอเมริกา แบบเต็มเวลา โดยต้องเรียนที่วิทยาลัย มหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษาที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลอเมริกาเพื่อให้มีสิทธิ์ สมัครวีซ่านักเรียนอเมริกาแบบ F-1 ได้ น้อง ๆ ต้องลงทะเบียนเรียนในหลักสูตรที่นำไปสู่การได้รับวุฒิการศึกษา เช่น ปริญญา ใบรับรอง หรือประกาศนียบัตร และสถานศึกษานั้นต้องได้รับอนุญาตให้รับนักเรียนต่างชาติอย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ วีซ่า F-1 ยังอนุญาตให้นักเรียนทำงานพาร์ทไทม์ภายในมหาวิทยาลัยได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด
นอกเหนือจาก วีซ่า F-1 ยังมีวีซ่าประเภทอื่นในอเมริกาที่นักเรียนหรือครอบครัวอาจมีสิทธิ์สมัครได้เช่นกัน เช่น วีซ่า J-1 สำหรับโครงการแลกเปลี่ยน และ วีซ่า M-1 สำหรับนักเรียนสายอาชีพ
ประเภทวีซ่า | ประเภทโปรแกรม | ผู้ที่ มีสิทธิ์สมัคร | ระยะ เวลาวีซ่า |
F visa (นักเรียนสายวิชาการ) | F1 | นักเรียนต่างชาติที่เรียนในมหาวิทยาลัย วิทยาลัย สถาบันศาสนา โรงเรียนดนตรี หรือสถาบันวิชาการอื่น ๆ รวมถึงโรงเรียนสอนภาษา | ผู้ถือวีซ่า F-1 ต้องออกจากสหรัฐอเมริกาภายใน 60 วันหลังวันสิ้นสุดโปรแกรมตามที่ระบุในแบบฟอร์ม I-20 หากไม่มีวีซ่าประเภทอื่นที่อนุญาตให้อยู่ต่อได้ |
F2 | คู่สมรสและบุตรของผู้ถือวีซ่า F-1 | - | |
F3 | นักเรียนสายวิชาการจากแคนาดาหรือเม็กซิโก | - | |
J visa (ผู้เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน) | J1 | ผู้เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน เช่น Work and Travel, ที่ปรึกษาค่าย, นักวิจัย, นักศึกษาฝึกงาน ฯลฯ | ผู้ถือวีซ่า J-1 ต้องกลับประเทศตนเองเป็นเวลา 2 ปีหลังจบโครงการ หากเข้าเงื่อนไขต่อไปนี้: (A) โครงการได้รับทุนจากรัฐบาล, (B) มาเรียนแพทย์เฉพาะทาง, หรือ (C) มีทักษะเฉพาะที่จำเป็นต่อประเทศตนเอง (บางรายอาจขอยกเว้นเงื่อนไขนี้ได้) |
J2 | คู่สมรสและบุตรของผู้ถือวีซ่า J-1 | - | |
M visa (นักเรียนสายอาชีพ) | M1 | นักเรียนต่างชาติที่เรียนในสถาบันสายอาชีพ (ที่ไม่ใช่โรงเรียนสอนภาษา) | ผู้ถือวีซ่า M-1 ต้องออกจากสหรัฐฯ ภายใน 30 วันหลังวันสิ้นสุดโปรแกรมตามที่ระบุในแบบฟอร์ม I-20 หากไม่มีวีซ่าประเภทอื่นที่อนุญาตให้อยู่ต่อได้ |
M2 | คู่สมรสและบุตรของผู้ถือวีซ่า M-1 | - | |
M3 | นักเรียนสายอาชีพจากแคนาดาหรือเม็กซิโก | - |
ข้อมูลทั้งหมดนี้ปรับปรุงจากเว็บไซต์ของ U.S. Department of State Bureau of Consular Affairs (ณ วันที่ 23 เมษายน 2025) แนะนำให้น้อง ๆ ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดได้ที่เว็บไซต์ทางการของ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อความถูกต้องและอัปเดตล่าสุดก่อนสมัครวีซ่า
เพื่อให้มีสิทธิ์สมัคร วีซ่า F-1 นักเรียนต่างชาติต้องมีคุณสมบัติตามเงื่อนไขหลักต่อไปนี้:
ได้รับการตอบรับจากสถาบันที่ผ่านการรับรองโดย SEVP: นักเรียนต้องได้รับจดหมายตอบรับจากสถาบันในสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการรับรองโดย Student and Exchange Visitor Program (SEVP)
ลงทะเบียนเรียนแบบเต็มเวลา (Full-time): ต้องลงทะเบียนเรียนในหลักสูตรที่เป็นแบบเต็มเวลา
แสดงหลักฐานทางการเงินที่เพียงพอ: ต้องมีหลักฐานว่าเราสามารถจ่ายค่าเรียน ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายรายเดือน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ระหว่างเรียนต่อในอเมริกาได้
มีทักษะภาษาอังกฤษในระดับที่ใช้เรียนได้: ต้องแสดงความสามารถทางภาษาอังกฤษ เช่น คะแนนจาก IELTS หรือ TOEFL
พาสปอร์ตยังไม่หมดอายุ: ต้องมีหนังสือเดินทางที่มีอายุต่อไปอย่างน้อย 6 เดือนหลังจากวันเดินทางออกจากสหรัฐอเมริกา
ไม่มีการกำหนดอายุขั้นต่ำหรือสูงสุดในการ สมัครวีซ่านักเรียนอเมริกา แต่หากผู้สมัครมีอายุมากกว่าปกติ อาจต้องอธิบายให้ชัดเจนว่าทำไมถึงต้องการเรียนต่อ และหลักสูตรนั้นสอดคล้องกับเป้าหมายทางการศึกษาหรือสายงานในอนาคตอย่างไร
การ สมัครวีซ่า F-1 เพื่อเรียนต่ออเมริกา มีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้:
รับเอกสาร I-20: เมื่อได้รับการตอบรับจากโรงเรียน ระบบ SEVIS จะออกแบบฟอร์ม I-20 หรือ “ใบรับรองสถานะนักเรียนชั่วคราว” เพื่อยืนยันการลงทะเบียนเรียน
ชำระค่าธรรมเนียม SEVIS (I-901): ก่อนสมัครวีซ่า ต้องชำระค่าธรรมเนียม SEVIS เพื่อสนับสนุนระบบติดตามนักเรียนต่างชาติ
กรอกแบบฟอร์ม DS-160: เป็นแบบฟอร์มสำหรับวีซ่าชั่วคราว กรอกทางออนไลน์พร้อมรายละเอียดส่วนตัวและประวัติการศึกษา
ชำระค่าวีซ่าอเมริกา: ชำระค่าธรรมเนียมสำหรับการสมัครวีซ่า F-1
นัดวันสัมภาษณ์วีซ่า: จองคิวนัดสัมภาษณ์ที่สถานทูตหรือสถานกงสุลสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย
เข้าสัมภาษณ์ที่สถานทูต: ไปสัมภาษณ์ตามวันเวลาที่นัด พร้อมนำ เอกสารวีซ่านักเรียนอเมริกา ไปให้ครบ เช่น I-20, DS-160, หลักฐานทางการเงิน ฯลฯ
รอรับวีซ่า: หากผ่านสัมภาษณ์ วีซ่าจะถูกติดในพาสปอร์ตและจัดส่งคืนทางไปรษณีย์ หรือไปรับที่สถานทูตตามขั้นตอนของแต่ละสถานที่
อย่ากังวล! เพราะที่ปรึกษาของ IDP พร้อมช่วยน้อง ๆ ตลอดกระบวนการเราสามารถช่วยในเรื่อง:
ตรวจเอกสารให้ครบ
กรอกฟอร์มสมัครวีซ่าให้ถูกต้อง
เตรียมตัวสอบสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา ให้มั่นใจมากขึ้น
การ สมัครวีซ่า F-1 เพื่อเรียนต่ออเมริกา จำเป็นต้องเตรียมเอกสารสำคัญหลายรายการ ได้แก่:
แบบฟอร์ม I-20: ใบรับรองสถานะนักเรียนที่ไม่ใช่ผู้อพยพ
หน้า Confirmation ของ DS-160: ยืนยันการกรอกแบบฟอร์มวีซ่าออนไลน์
หนังสือเดินทาง (Passport): ต้องมีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือนหลังจากวันที่วางแผนออกจากสหรัฐฯ
รูปถ่ายแบบพาสปอร์ต: ตามข้อกำหนดของวีซ่าสหรัฐอเมริกา
ใบเสร็จชำระค่าธรรมเนียม SEVIS (I-901)
หลักฐานทางการเงิน: แสดงว่ามีเงินเพียงพอสำหรับค่าเรียน ค่าครองชีพ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ระหว่างอยู่ในอเมริกา
เอกสารการศึกษา: ปพ.1 ใบรับรองผลการเรียน ใบจบ หรือวุฒิการศึกษาต่าง ๆ
ผลสอบภาษาอังกฤษ: เช่น IELTS หรือ TOEFL (ถ้าสถาบันที่สมัครต้องการ)
จดหมายนัดวันสัมภาษณ์วีซ่า
คำแนะนำเพิ่มเติม:
หากเอกสารใด ๆ ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ควรแปลเป็นภาษาอังกฤษโดยนักแปลที่ได้รับรอง
เตรียม แผนการเรียน (Study Plan) สั้น ๆ ชัดเจน เพื่ออธิบายเหตุผลที่เลือกเรียนต่อและเป้าหมายทางการศึกษาให้เจ้าหน้าที่สถานทูตรับทราบ
ในการ สมัครวีซ่านักเรียนอเมริกา จะมีค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ดังนี้:
ค่าธรรมเนียม SEVIS: USD $350
ค่าสมัครวีซ่า (MRV Fee): USD $185
ควรเผื่อเงินสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วย เช่น ค่าธนาคาร ค่าถ่ายเอกสาร ค่าจัดส่งเอกสาร หรือค่าตรวจสุขภาพ (หากจำเป็น) โดยค่าธรรมเนียมทั้งหมด ไม่สามารถขอคืนได้ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามอัตราแลกเปลี่ยนหรือค่าธรรมเนียมธนาคาร
ระยะเวลาในการขอวีซ่านักเรียนอเมริกา (F-1) อาจใช้เวลาต่างกันไปในแต่ละประเทศ โดยขึ้นอยู่กับขั้นตอนการลงทะเบียน SEVIS จากสถาบันที่ตอบรับ และระยะเวลารอคิวสัมภาษณ์ที่สถานทูตสหรัฐฯ ซึ่งในช่วงพีคอย่างเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม คิวสัมภาษณ์ในประเทศไทยอาจยาวเกิน 4 สัปดาห์
เพื่อความชัวร์ แนะนำให้น้อง ๆ เริ่ม สมัครวีซ่านักเรียนอเมริกาอย่างน้อย 2–3 เดือน ก่อนวันเปิดเรียน เพื่อให้มีเวลาเตรียมเอกสารและสัมภาษณ์ได้อย่างไม่เร่งรีบ ลดความเสี่ยงเรื่องเอกสารไม่ครบหรือวีซ่าไม่ทันค่ะ
หลังจากสัมภาษณ์วีซ่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว น้อง ๆ สามารถ ตรวจสถานะวีซ่านักเรียนอเมริกา ได้ทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ Visa Status Check ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้รหัสบาร์โค้ดจากแบบฟอร์ม DS-160 ในการติดตามผล
โปรดทราบว่าเวลาการพิจารณาอาจแตกต่างกันในแต่ละกรณี และหากได้รับอนุมัติแล้ว หนังสือเดินทางพร้อมวีซ่ามักจะถูกจัดส่งกลับทางไปรษณีย์ภายในไม่กี่วันทำการ
แม้ว่าหลายคนจะผ่านการ สมัครวีซ่านักเรียนอเมริกา ได้อย่างราบรื่น แต่อีกหลายกรณีก็อาจถูกปฏิเสธ โดยเจ้าหน้าที่วีซ่าจะพิจารณาจากความน่าเชื่อถือและความเป็นไปได้ในการเรียนต่อของผู้สมัคร ซึ่งสาเหตุที่พบได้บ่อยในการปฏิเสธวีซ่า ได้แก่:
ไม่มีจุดมุ่งหมายการเรียนที่ชัดเจน – เจ้าหน้าที่ไม่มั่นใจว่าเหตุผลหลักในการเดินทางคือเพื่อเรียน
หลักฐานทางการเงินไม่เพียงพอ – ไม่สามารถแสดงให้เห็นว่ามีเงินพอสำหรับค่าเรียนและค่าครองชีพ
แผนการเรียนไม่สอดคล้องกัน – ประวัติการเรียนกับแผนเรียนต่อดูไม่สมเหตุสมผล
เพื่อเพิ่มโอกาสผ่านวีซ่า:
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารครบถ้วน ถูกต้อง
ซ้อมตอบคำถามสัมภาษณ์ให้กระชับ ชัดเจน
ขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาของ IDP เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมทั้งด้านเอกสารและการสัมภาษณ์
ผู้ถือ วีซ่านักเรียนอเมริกา (F-1) มีสิทธิ์ในการทำงานภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดดังนี้:
ทำงานภายในมหาวิทยาลัย (On-campus work): สามารถทำงานได้ไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ระหว่างช่วงเปิดภาคเรียน
CPT และ OPT: หลังจากเรียนครบ 1 ปีการศึกษา อาจมีสิทธิ์สมัคร:
CPT (Curricular Practical Training): ทำงานแบบมีรายได้ ที่เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร
OPT (Optional Practical Training): ทำงานชั่วคราวที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่เรียนโดยตรง
ห้ามทำงานนอกมหาวิทยาลัยในปีแรก (On-campus work) ยกเว้นในกรณีที่เป็น CPT หรือมีเหตุผลด้านปัญหาเศรษฐกิจส่วนบุคคล (ต้องได้รับอนุมัติจาก USCIS)
หลังเรียนจบด้วยวีซ่า F-1 น้อง ๆ สามารถ ทำงานเต็มเวลาในอเมริกา ผ่านโปรแกรม OPT ได้ โดยทั่วไปสามารถทำงานได้นานสูงสุด 12 เดือน นักเรียนที่เรียนในสาขา STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) อาจขอ ขยายเวลา STEM OPT เพิ่มได้อีก 24 เดือน รวมเป็นระยะเวลา 36 เดือนในการทำงานในอเมริกา
หากต้องการทำงานในระยะยาวหลังจบ OPT อาจพิจารณาวีซ่าประเภทอื่น เช่น วีซ่า H-1B ซึ่งต้องมีนายจ้างในอเมริกา เป็นผู้สนับสนุน และมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนด ต้องสมัคร OPT ภายใน 60 วันหลังจบหลักสูตร และเริ่มงาน ภายใน 90 วัน นับจากวันเรียนจบ
กรอกข้อมูลของคุณ แล้วให้ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราติดต่อกลับ เพื่อแนะนำหลักสูตร ประเทศ มหาวิทยาลัย และทุนการศึกษาที่ใช่สำหรับคุณ!